การสต๊าฟผีเสื้อ
แมลงที่เราพบเห็นส่วนใหญ่วิวัฒนาการมาตั้งแต่
ยุคคาร์บอนนิเฟอรัส (Carboniferous) ราว 300
ล้านปีก่อน จากซากดึกดำบรรพ์พบว่า
ผีเสื้ออาจจะวิวัฒนาการมาจากบรรพบุรุษของแมลงในอันดับมีคอปเทอรา (Mecoptera)
ซึ่งถือกำเนิดขึ้นในยุคเพอร์เมียน (Permian) ตอนต้น
หรือประมาณ 250 ล้านปีก่อน
แต่ก่อนที่จะวิวัฒนาการมาเป็นผีเสื้อได้ก็ต้องใช้เวลาหลังจากนั้นอีกหลายล้านปี
เพราะ ซากดึกดำบรรพ์ ของผีเสื้อกลางคืนที่เก่าแก่ที่สุดที่ค้นพบ มีอายุในราว 100
- 140 ล้านปีก่อน ส่วนซากดึกดำบรรพ์ของผีเสื้อกลางวันมีอายุแค่ 40
ล้านปีเท่านั้น
ถ้าเราลองดูความสัมพันธ์ของผีเสื้อกับพืชมีดอกในปัจจุบันก็เป็นไปได้ว่าทั้งสองมีวิวัฒนาการมาร่วมกัน
ทั้งนี้เพราะผีเสื้อเกือบทุกชนิด มีปากเป็นท่องวงที่วิวัฒนาการมา
เพื่อใช้ดูดน้ำหวานที่อยู่ลึกลงไปในดอกได้ พืชมีดอกที่เก่าแก่ที่สุด ที่ค้นพบ
มีอายุราว 90 ล้านปีก่อน เมื่อตรวจดูความหลากหลายของพืชมีดอก
ซึ่งมีอยู่มากมายในยุคนั้นแล้วพืชมีดอก ก็น่าจะกำเนิดขึ้นก่อนช่วงเวลาดังกล่าว
คือเมื่อราว 150 - 200 ล้านปีก่อน ดังนั้น
ถ้าผีเสื้อกับพืชดอกวิวัฒนาการร่วมกันแล้วผีเสื้อก็น่าจะเกิดขึ้นช่วงเวลานี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังคงสรุปให้ชัดเจน ลงไปไม่ได้ว่า ผีเสื้อถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อไรแน่
จนกว่าจะพบหลักฐานจากอดีตที่มากพอ
รูปร่าง

ผี เสื้อประกอบด้วยลำตัวที่ไม่มีโครงกระดูกภายในเช่นเดียวกับแมลงอื่น
ๆ แต่มีเปลือกนอกแข็งเป็นสารจำพวกไคติน (chitin)
ห่อหุ้มร่างกาย
ภายในเปลือกแข็งเป็นที่ยึดของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเคลื่อนที่ลำตัวของผีเสื้อแบ่งออกเป็น
3 ส่วนคือ ส่วนหัว ส่วนอก
และส่วนท้อง ทั้ง 3 ส่วนประกอบด้วยวงแหวนหลาย ๆ วงเรียงต่อกัน เชื่อมยึดด้วยเยื่อบาง ๆ
เพื่อให้การเคลื่อนไหวได้สะดวกวงแหวนที่เชื่อมต่อกันเป็นลำตัวของผีเสื้อมีทั้งหมด 14 ปล้อง
แบ่งออกเป็นส่วนหัว 1 ปล้อง ส่วนอก 3 ปล้อง และส่วนท้อง 10 ปล้อง
อุปกรณ์และวิธีการทดลอง
อุปกรณ์การศึกษาการวิจัย
1. สวิงจับแมลง
2. กระดาษสามเหลี่ยม
3. ขวดโหลน๊อคแมลง
4. กระดาษทิชชู
5. สำลี
6. เข็มสต๊าฟผีเสื้อ
7. น้ำยาทาเล็บ
8. กรงดักผีเสื้อ
9. เหยื่อล่อผีเสื้อ(สับปะรด,ปลาร้า,น้ำผึ้ง,เกลือ)
10.ลูกเหม็น
10.ลูกเหม็น
11.กล้องถ่ายรูป
12. กล่องไม้เก็บตัวอย่างแมลง
วิธีการทดลอง
ภาคสนาม
1. วางกรงล่อผีเสื้อโดยใช้เหยื่อล่อผีเสื้อ
2. ใช้สวิงจับผีเสื้อ
3. ถ่ายรูปผีเสื้อ
ภาคห้องปฏิบัติการ
1. นำผีเสื้อที่จับได้จากภาคสนามมาทำการสต๊าฟด้วยอุปกรณ์สต๊าฟแมลง
2. จากนำผีเสื้อที่ได้จากการสต๊าฟไปทำการอบด้วยอุณหภูมิที่ 40 องศาเซลเซียสจนครบ 7 วัน
3. นำผีเสื้อที่อบได้ไปทำการเก็บที่กล่องไม้เก็บตัวอย่างแมลงโดยบรรจุลูกเหม็นลงไปในกล่องด้วยเพื่อป้องกันแมลง
ประโยชน์
ผีเสื้อจัดว่าเป็นแมลงที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศอีกชนิดหนึ่ง
โดยในระยะที่เป็นตัวหนอนจะกัดกินใบไม้ในป่า มิให้มีมาย หรือหนาแน่นจนเกินไป
ช่วยให้แสงแดดสอดส่องลงถึงพื้นด้านล่าง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
อีกมาก ในขณะเดียวกัน ก็เป็นอาหาร ของนกชนิดต่างๆ รวมทั้งสัตว์ชนิดอื่นๆ
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ การถ่ายทอด พลังงานในระบบนิเวศ
เมื่อเริ่มเข้าสู่ระยะตัวเต็มวัย ที่เรียกว่า ผีเสื้อ เพศเมีย
ซึ่งกินน้ำหวานจากดอกไม้เป็นอาหารหลัก จะบินไปมาระหว่างดอกไม้คอกหนึ่ง
สู่อีกดอกหนึ่ง ทำให้เกิดการผสมเกษร ระหว่างเกษรตัวผู้กับเกษรตัวเมีย
ทำให้เกิดการกระจายพันธืของพืชชนิดนั้นๆ และอีกทั้งยังเป็นอาหารของนก กิ้งก่า
และสัตว์ชนิดอื่นๆ ด้วย
ก่อให้เกิดความสมดุลในระบบนิเวศและความยั่งยืนในธรรมชาติตลอดไป
ที่มา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น